บทความสั้นๆ นี้เขียนขี้นเพื่อแบ่งปันความรู้จากพี่สู่น้องหรือจากน้า สู่หลาน ๆ ที่กำลังวางแผนจะย้ายถิ่นไปอยู่ที่สวีเดน ผู้เขียนเองได้มีประสบการณ์การในการใช้ชีวิตอยู่ในสวีเดนเป็นเวลาร่วม 20 ปี ซึ่งได้เห็น ได้เรียนรู้และได้มีประสบการณ์ชีวิตโดยตรง อีกทั้งได้มีโอกาสทำงานวิจัยเกี่ยวกับวิถีชีวิตหญิงไทยในสวีเดน ซึ่งสะท้อนให้เห็นทั้งข้อดีและอุปสรรคมากมายที่หญิงไทยต้องเผชิญในการปรับตัวเข้าสู่สังคมสวีเดน ส่วนตัวแล้วอยากเห็นหญิงไทยที่มีความตั้งใจที่จะมาตั้งต้นชีวิตใหม่ที่สวีเดนประสบความสำเร็จและมีความสุขอย่างที่คาดหวัง ผู้เขียนเอาใจช่วยนะคะ
ถ้าคุณมีแฟนเป็นคนสวีเดนอยู่ ลองนึกกันดูสิคะ ว่าแฟนเราเป็นคนยังไง บางคนอาจจะบอกว่าก็น่ารักดี หล่อ มีน้ำใจ แต่ยิ้มยาก บางครั้งก็ดูเฉย ๆ ส่วนบางคนอาจจะบอกว่า แฟนคุยเก่ง ช่างพูด …. เอาเป็นว่าคนสวีเดนก็เหมือนคนทุกชนชาติบนโลกกลม ๆ ใบนี้ คือมีความแตกต่างกัน แต่ถ้าจะให้พูดรวม ๆ ก็น่าจะพูดได้ว่า ชาวสวีเดนไปเป็นคนรักสันโดษ มีความเป็นส่วนตัวสูง คนจำนวนมากถ้าดูจากภายนอกดูเป็นคนเงียบขรึมและค่อนข้างขี้อาย การที่จะยอมรับว่าใครจะมาเป็นเพื่อนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวสวีเดน แต่พอเขายอมรับเราเป็นเพื่อนแล้วเขาจะเป็นเพื่อนไปตลอดชีวิต เรียกว่าไม่ฉาบฉวยว่างั้นเถอะ
ถ้าเปรียบเทียบกับบุคลิกและนิสัยของคนไทยที่ผู้เขียนคิดว่ามีความเหมือนและแตกต่างจากคนสวีเดน คือพวกเราจะยิ้มแย้มแจ่มใส เข้าถึงง่าย ใคร ๆ ก็เป็นเพื่อนกันได้ และเชื่อใจคนอื่นค่อนข้างง่าย แต่ก็จะเขิน ๆ เวลาออกงานสังคม คนไทยชอบไปไหนไปเป็นหมู่คณะ และชอบไปที่ที่คนเยอะ ๆ และจะเราสนุกสนานแบบกรี๊ดกร๊าด ซึ่งคนที่นี่อาจจะคิดว่าไม่สุภาพ
คนที่นี่ไม่กินอาหารจุกจิกหรือกินตามเวลา ส่วนพวกเราคนไทยกินตลอดเวลา จนฝรั่งยังต้องทึ่ง คนที่นี่ชอบกีฬาและกิจกรรมนอกบ้าน พวกเราส่วนมากชอบเข้าครัวทำอาหาร และหลบแดด การเลี้ยงลูกของเราต่างกับเขาพอสมควร คนที่นี่ใช้เทคนิคการต่อรองกับเด็กแทนที่จะโมโหใส่อย่างเดียว และเขาไม่มีคำกล่าวที่ว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีเหมือนบ้านเรา (การตีลูกถือว่าทำผิดกฏหมายจ้า)
อ่านมาถึงตรงนี้ น่าจะพอเข้าใจคนสวีเดนและพอมองออกไหมว่าเราจะต้องปรับตัวยังไงบ้าง เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามเนอะ เช่น จะกิน จะอยู่แบบไหน ใครต้องปรับตัวมากกว่าใคร เราพึ่งแฟนได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อต้องมาอยู่ที่สวีเดน ช่วงแรก ๆ ของความสัมพันธ์มันก็ดูดีราบรื่นโดยเฉพาะก่อนที่เราจะย้ายไปอยู่สวีเดน เพราะถือว่ายังอยู่ช่วงโปรโมชัน อะไร ๆ ก็ดูดีไปหมด แต่พอย้ายมาอยู่ที่สวีเดนจริง เราจะต้องเผชิญกับชีวิตประจำวันที่มันไม่คุ้นเคย และเราจะรู้สึกว่ามันฝืนธรรมชาติทำให้เรารู้สึกอึดอัด จนไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งอันนี้บางคนอาจจะรู้สึกมากแต่บางคนอาจจะบอกสบายมาก ก็ว่ากันไปค่ะ
มีแฟนก็เหมือนเสี่ยงดวง ถ้าโชคดีก็เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ถ้าโชคร้ายก็อาจจะเหมือนโดนโจรปล้นบ้าน อันนี้ใช้ได้กับการมีแฟนเป็นสวีเดนเหมือนกันนะ อย่าคิดว่าเขาเป็นฝรั่งแล้วจะดีเป็นเทวดากันทุกคน มีคนไทยที่โชคดี ได้เป็นเหมือนนางฟ้าที่สวีเดน แต่ก็มีคนที่เหมือนตกนรกในบางช่วงของชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเรามาอยู่สวีเดนแล้ว เกิดโชคร้าย เราต้องทำอย่างไร คำตอบสั้น ๆ เลย ต้องเอาตัวรอดให้ได้ค่ะ
ตอนนี้มาดูว่า แบบไหนที่เรียกว่าได้แฟนดี หนึ่งคือ เขาพยายามอธิบายการใช้ชีวิตที่สวีเดนให้เรารู้มากน้อยแค่ไหน พาเราไปสมัครเรียนภาษาสวีดิชมไหม เพราะแต่ละคอมมูนหรือที่เรียกว่าเทศบาลจะให้คนที่มาอยู่สวีเดนใหม่เรียนฟรี แต่เราต้องไปแสดงตนก่อนว่าจะมาเรียนนะ ระหว่างที่เราเรียนอยู่ แฟนเราจะเลี้ยงดูเราและภาระของเราที่อยู่เมืองไทยได้แค่ไหนเพื่อให้เราได้จดจ่อกับการเรียนเต็มที่
แต่ถ้าบังเอิญไปเจอคนที่ไม่เอาธุระอะไรเลยล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? โอกาสที่จะถูกทอดทิ้งและถูกตัดจากโลกภายนอกค่อนข้างมีสูง มีผู้หญิงไทยไม่น้อยที่ถูกเก็บอยู่ในบ้านไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตามที่ไม่มีโอกาสได้ออกไปเรียนหนังสือหรือพบปะสังสรรค์กับคนภายนอก กลายเป็นทาสในเรือนเบี้ย ต้องดูแลคุณชายอยู่บ้าน อุปสรรคตรงนี้จะหนักขึ้น ถ้าคุณไม่ได้ภาษาใด ๆ ทั้งภาษาสวีเดนก็ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็พูดงู ๆ ปลา ๆ ดังนั้น ภาษาสำคัญมากนะคะ
ถ้าถามว่า ย้ายมาอยู่สวีเดน อะไรคือสิ่งแรกที่ต้องทำ คำตอบคือ “เรียนภาษาสวีเดน” ค่ะ หรือถ้าเริ่มต้นเรียนก่อนที่จะมาอยู่ก็จะยิ่งดีเลย เดี๋ยวนี้เราสามารถหาเรียนภาษาสวีเดนแบบฟรีในเบื้องต้นง่าย ๆ ได้ทางเว็บไซต์ต่าง ๆ นะคะ รวมถีงในเว็บไซต์ไทยไวส์นี้ด้วย (มีลิงค์อยู่ให้ข้างล่างสุดค่ะ)
ถ้าเราได้เรื่องภาษาแล้วเราก็สามารถเลือกที่จะเรียนต่อในระดับที่สูงขี้นหรือเริ่มหางานทำได้ง่ายขึ้น ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้ภาษาสวีเดนเลยโอกาสที่จะได้เข้าทำงานและอยู่ในระบบของสวีเดนก็จะน้อยลงซึ่งนั้นก็หมายความว่าสวัสดิการต่าง ๆ ที่เราจะได้รับนั้นน้อยลงไปเช่นกัน
มีคนไทยหลายคนที่ไม่ได้เรียนภาษาสวีเดนและพูดไม่ได้เลยก็ตัดสินใจที่จะทำงานดำหรือเป็นงานที่ไม่เสียภาษี พอหลายปีผ่านไปในสวีเดน เมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ จากภาครัฐ เช่น การคุ้มครองแรงงานเพราะถูกนายจ้างเอาเปรียบ แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้รับสิทธินั้นเพราะเขากลายเป็นคนนอกระบบไป
ไทยไวส์อยากจะฝากไว้ว่า การทำงานในสวีเดนและเสียภาษีอย่างถูกต้องจะทำให้เรากลายเป็นคนสวีเดนแบบเต็มรูปแบบคือได้รับสวัสดิการเหมือนกับที่คนสวีเดนได้รับ สวัสดิการที่สวีเดนให้นั้นมีตั้งแต่เกิดจนตาย ตัวอย่างเช่น เงินสวัสดิการสำหรับพ่อแม่เพื่อเลี้ยงดูลูกหลังจากที่ลูกเกิด หรือเมื่อเราไม่สบายและต้องหยุดงานก็ยังคงได้รับเงินเดือน
เห็นไหมค่ะว่าการรู้ภาษาจะทำให้เราไม่ต้องพึ่งแฟนตลอดเวลา เราสามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้นี่แหละค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่มั่นคงที่สุดแล้วค่ะ เพราะถ้าวันใดเกิดมีปัญหาต้องเลิกรากันไป เราก็จะยังต้องดำรงชีวิตที่สวีเดนให้ได้ต่อไปอย่างราบรื่น
การเรียนภาษาสวีเดนก็มีอุปสรรคค่ะ โดยเฉพาะการออกเสียงภาษาสวีเดนที่เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับคนไทย มีหลายคนที่เข้าเรียนอยู่หลายปีแต่พอพูดแล้วคนสวีเดนไม่เข้าใจเพราะออกเสียงไม่ชัดเจนหรือไม่ถูกต้อง คนไทยไม่ชอบออกเสียง ร เรือที่ต้องม้วนลิ้นเข้าไปซึ่งในภาษาสวีเดนมี ร เรือ เพียบเลย และหลาย ๆ คนก็ไม่อยากฝึกพูดภาษาสวีเดนกับแฟนที่บ้านก็เลยเลือกใช้ภาษาอังกฤษแทนซะอย่างนั้นเพราะมันสะดวกดีในเวลาที่เราจะต้องการอธิบายเรื่องต่าง ๆ จนหมดโอกาสที่จะได้ฝึกภาษาสวีเดนไปและพัฒนาการการเรียนรู้ภาษาสวีเดนจึงไปแบบช้า ๆ
วัฒนธรรมการอ่านของคนไทยก็เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะหนึ่งในวิธีการเรียนภาษาสวีเดนได้เร็วมากอีกทางหนึ่งคือ การอ่านหนังสือ แต่การนิสัยชอบดูทีวีก็นำมาใช้ได้นะคะ ที่สวีเดนมีช่องทีวีภาษาสวีเดนมากมายให้ดู อย่าดูแต่ทีวีไทยจนลืมหาเวลาเรียนรู้ภาษาสวีเดนด้วยนะคะ
สิ่งที่จะช่วยพัฒนาภาษาได้มากอีกทางหนึ่งคือฟังคนสวีเดนคุยกันเยอะ ๆ ฟังวิทยุ ดูทีวี แต่ต้องเป็นภาษาสวีเดนน่ะจ๊ะ ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เป็นไร ฟังเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
ไม่มีคำตอบที่ตายตัวนะคะว่าเมื่อมาถึงสวีเดนแล้วต้องเรียนภาษาสวีเดนก่อนหรือมาถึงแล้วก็ต้องทำงานทำเลยซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคนนะคะ อย่างบางคนแฟนไม่ช่วยเรื่องเงิน เขาก็เลยต้องไปทำงานซึ่งงานที่ทำได้ก็มีอยู่ไม่กี่ประเภท เช่น งานที่ร้านนวดไทย งานร้านอาหารไทยหรือร้านขายของชำไทย เพราะงานประเภทนี้ไม่ต้องใช้ภาษาสวีเดนให้คล่องก็สามารถทำได้ งานทั้งสามประเภทถือเป็นงานที่มีคุณค่าและควรส่งเสริมนะคะ แต่ว่ามันเป็นงานที่อยู่ในระบบไทย ๆ คือถูกจ้างโดยคนไทยและทำงานร่วมกับคนไทยซะส่วนใหญ่ ทำให้วิถีชีวิตของเราที่อยู่ในสวีเดนไม่ได้แตกต่างกับการอยู่ที่เมืองไทยเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะร้านนวดไทยที่เราจะใช้เวลาอยู่ที่ร้านนวดทั้งวัน ชีวิตจึงวนอยู่กับสังคมคนไทย หลาย ๆ คนคิดว่าทำเป็นแค่งานชั่วคราวไปก่อน แต่เผลอแป๊บเดียวทำมาได้เกือบสิบปี ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้เจอหรือมีเพื่อนที่เป็นคนสวีเดนเลยและทำให้เราขาดความรู้เกี่ยวกับสวีเดนไป รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการจากรัฐด้วย
ไทยไวส์เลยอยากแนะนำว่า ถ้าสามารถไปเรียนภาษาสวีเดนได้ก่อนที่จะเริ่มทำงานก็จะดีมากค่ะ เพราะการรู้ภาษาจะทำให้เราปรับตัวเข้าสู่สังคมสวีเดนได้ง่ายขึ้นและในที่สุดก็สามารถใช้ชีวิตในสวีเดนได้อย่างราบรื่น
“บ้านอยู่ไหน” เป็นคำถามสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องถามแฟนดูนะคะ เพราะถ้าบ้านเขาอยู่นอกเมือง การเดินทางก็อาจจะยากหน่อย ไม่ค่อยมีรถเมล์ รถไฟให้ขึ้นบ่อยหรือบ้านบางคนอยู่กลางทุ่งเลยก็อาจจะลำบากมากขึ้น ทำให้เราต้องพึ่งพาแฟนไปรับไปส่งบ่อย ๆ ถ้ามาอยู่ที่สวีเดนไปได้สักระยะและพอได้ภาษาแล้ว ก็ควรจะต้องสอบใบขับขี่นะคะ แต่การสอบใบขับขี่ก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอยู่ไทย ต้องใช้เวลาเรียนจริงจังและใช้เงินเยอะมากด้วย
ใครโชคดีแฟนมีบ้านอยู่ในเมืองก็อาจจะขึ้นรถเมล์รถไฟสะดวกสบาย แต่ถ้ามีใบขับขี่ก็จะดีนะคะ ส่วนหนึ่งจะทำให้เราหางานทำได้ง่ายขึ้นค่ะ
การที่จะทำความรู้จักและเข้าสังคมสวีเดนมีความสำคัญมากโดยเฉพาะคนที่จะย้ายมาใหม่หรือเพิ่งมาอยู่ที่สวีเดนค่ะ ถ้าเราเข้าสามารถปรับตัวเข้าสู่สังคมได้ง่ายและรวดเร็ว มีเพื่อนเป็นคนสวีเดนก็จะทำให้เราเรียนรู้ภาษาได้เร็วและมีงานทำ
แต่คำถามคือเราจะเริ่มที่ไหนดีใช่ไหมค่ะ และจะเริ่มอย่างไรดี ฮึ่ม…อันนี้ต้องคิดหนักทีเดียว แต่มันมีทางออก เชื่อสิ ก็อาศัยคู่ครองของเราที่เป็นชาวสวีเดนนี่หน่า ขอให้เขาช่วยแนะนำเพื่อนและญาติพี่น้องของเขาให้เราให้รู้จัก ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญทีเดียว
อุปสรรค์ฟังดูแล้วมีมากมาย แต่ถ้าเราเตรียมตัวเพื่อรับมือกับมันชีวิตใหม่ของเราในสวีเดนก็น่าจะราบรื่น และมีความสุขได้ ประเด็นที่สำคัญที่อยากจะเน้นคือเราจะต้องคิดแบบเชิงรุก และจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและสิทธิต่าง ๆ ที่เราพึงจะได้รับเมื่อเราย้ายถิ่นมาอยู่ที่ประเทศสวีเดนกับแฟน อย่าลืมว่าชีวิตนี้เป็นของเราและเราสามารถกำหนดมันได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา เราต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะไปพึ่งแฟนหรือคนอื่น
ข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซด์นี้ช่วยคุณได้แน่ค่ะ ลองอ่านและทำความเข้าใจ หรือถ้ามีคำถาม ส่งมาถามเราได้ค่ะ เราพร้อมจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจคุณ …. เพราะเราผ่านมาแล้ว
ThaiWISE – Hela Människan i Malmö
Per Albin Hanssons 32A,
214 32, Malmö
โทรศัพท์: (+46) 760 35 32 78 (วันจันทร์ – พุธ 10.00 – 16.00)
อีเมล์: contact@thaiwise.se
© THAIWISE – HELA MÄNNISKAN I MALMÖ. ALL CONTENT COPYRIGHTED | COOKIES
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อทำให้คุณพบกับความแตกต่างจากผู้ใช้อื่น ๆ ของเว็บไซต์ของเรา ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ ที่ดีเมื่อคุณติดตามเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราและยังช่วยให้เราในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าคุณได้ยินยอมให้เราใช้คุกกี้