ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญที่ควรรู้ก่อนออกเดินทาง

ความคาดหวัง (ผิดๆ) ….ผัวรวย ผัวเลี้ยง จริงไหมนะ
หน้าแรก » เตรียมตัวมาสวีเดน » ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญที่ควรรู้ก่อนออกเดินทาง » ความคาดหวัง (ผิดๆ) ….ผัวรวย ผัวเลี้ยง จริงไหมนะ

ความคาดหวัง (ผิดๆ) ….ผัวรวย ผัวเลี้ยง จริงไหมนะ

ใคร ๆ ก็ต้องฝันอยากที่จะมีอนาคตที่ดีเมื่อย้ายไปอยู่เมืองนอกใช่ไหมค่ะ จะได้เป็น “มาดาม” ว่าจังซั่น คือเข้าใจว่าเมื่อได้แต่งงานกับฝรั่งแล้วชีวิตจะดีขึ้นทันที เพราะเขารวยและเขาจะดูแลเราตลอดไป รวมถึงช่วยเลี้ยงดูญาติพี่น้องและลูกหลานที่เมืองไทยด้วย เป็นคำพูดที่เราได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ว่า “ผัวรวย ผัวเลี้ยง” แต่มันจริงไหมนะกับคำพูดที่เขาว่ากัน

ตอบได้เลยว่า มีทั้งจริงและไม่จริงค่ะ ซึ่งมันอยู่ที่ดวงด้วยนะ ถ้าเราได้แฟนดี คำพูดนี้ก็จะจริงแต่ถ้าได้แฟนขี้เหล้า เมาหยำเป เราก็จะกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ได้ บางคนมีแฟนรวยก็จริงนะคะ แต่ถ้าเขาไม่ใช่สายเปย์ก็จบเหมือนกัน ดังนั้นอะไรล่ะที่จะทำให้เราได้เป็นนางฟ้ามีชีวิตดีในสวีเดน คำตอบคือ “เมื่อมาถึงสวีเดนแล้วก็ต้องขวนขวายด้วยตัวเองให้มากที่สุดด้วย” อันนี้แหละที่จะการันตีความมีชีวิตที่ดีแน่นอน

จริง ๆ แล้วคนสวีเดนที่มีฐานะดีถึงขั้นเป็นเศรษฐีมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์นะคะ ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้มีฐานะอยู่ระดับปานกลาง แบบอยู่ได้สบาย ๆ แต่ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติหรือเงินเก็บมากมายอย่างที่เรา ๆ คิดกัน เวลาที่เราพบคนสวีเดนไปเที่ยวเมืองไทยแล้วใช้เงินอย่างกับว่ารวยมากนั้นเพราะเป็นเงินที่เกิดจากการทำงานเขาที่เก็บสะสมมาก มิได้เด็ดได้จากต้นไม้แต่อย่างใด บางคนทำงานมาทั้งปี เพื่อการท่องเที่ยวครั้งนี้ก็มี คนสวีเดนติดนิสัยชอบเที่ยวต่างประเทศ ต้องหาทางเที่ยวให้ได้อย่างน้อยปีละครั้งว่างั้นเถอะ และจากนั้นก็กลับมาทำงานเก็บเงินเพื่อเที่ยวในปีต่อไป

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะดูแลเราและช่วยเหลือครอบครัวของเราอันนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมากเลยค่ะ คำว่าดูแลเราก็คือเขาให้ที่อยู่อาศัย มีอาหารให้ แต่คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าเราจะหางานทำเพื่อมีรายได้มาช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ชาวสวีเดนมีความเชื่อเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศหญิงและชาย ไม่มีการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกัน และคำว่า ส่งเงินกลับบ้าน เขาอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมเราต้องทำงานหนักและส่งเงินกลับไทย เพราะในบริบทของสังคมสวีเดน เขาไม่ทำแบบนี้กันค่ะ

กรณีที่แย่ไปกว่านี้คือ คนไทยหลายคนแต่งงานกับคนสูงอายุที่เกษียณหรือใกล้เกษรียณและไม่ได้มีรายได้อะไรนอกจากเงินบำนาญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แย่ไปกว่านั้นบางกรณี มีโรคประจำตัวมากมาย ซึ่งแทนที่เราจะได้รับการดูแลจากเขา กลายเป็นว่าเราต้องมารับภาระมากมาย บางกรณีถึงขั้นต้องหาเงินมาเลี้ยงดูสามีด้วย ในขณะเดียวกันก็ต้องส่งเงินกลับบ้าน ถือว่าเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัส เพราะการหางานทำไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องภาษาสวีเดน ดังนั้นงานที่พอจะทำได้ก็จะเป็นงานหนักที่ใช้แรงงาน แต่เงินเดือนน้อย เช่นทำความสะอาด เก็บผลไม้ ทำงานร้านนวดไทย หรือร้านอาหารไทย อะไรประมานนั้น

แทนที่จะมาอยู่สวีเดนอย่างมีความสุข ต้องมาแบกรับภาระต่าง ๆ มันก็ส่งผลต่อสุขภาพและจิตใจได้นะคะ

หลาย ๆ คนไม่เข้าใจว่าทำไมสามีชาวสวีเดนปฏิเสธที่จะช่วยส่งเงินให้กับญาติพี่น้องที่เมืองไทย มันเป็นอย่างนี้ค่ะ คนสวีเดนเป็นคนที่ระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างมาก เขาถูกปลูกฝังให้รู้จักเก็บเงินและดูแลตัวเองและไม่เบียดเบียนผู้อื่น นอกจากนั้นประเทศนี้มีระบบสวัสดิการสังคมที่รองรับที่ดีเยี่ยม เช่นการศึกษาที่นี่ฟรีสำหรับเด็กทุกคน ลูก ๆ ก็ได้รับเงินสนับสนุนทุกเดือนตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 16 ปี หลังจากเด็กเข้าเรียนระดับมัธยมปลายเขาก็ได้รับเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาจนถึงอายุ 20 ปี ถ้าหย่าร้างและมีลูกด้วยกันรัฐก็มีบริการที่พักฟรีอีกต่างหาก ถ้าตกงานก็มีเงินช่วยทุกเดือนจนกว่าจะหางานได้ แม้กระทั่งตอนแก่ก็มีเงินช่วยเหลือ เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้เงินช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพราะทุกคนสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นคนสวีเดนจะไม่คุ้นและไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยต้องส่งเงินให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องที่เมืองไทย อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวสวีเดน ชายสวีเดนหลายคนไม่ว่าอะไรที่ภรรยาจะส่งเงินให้กับญาติที่เมืองไทยตราบใดที่ภรรยาหาเงินได้เอง!

คนไทยโดยทั่วไปมีความสามารถและถนัดด้านการค้าขาย สามารถเปิดร้านทำธุรกิจส่วนตัวได้ตอนอยู่ไทย และคิดว่าจะใช้ทักษะนี้ทำมาหากินเมื่อย้ายมาอยู่ที่สวีเดน แต่ด้วยความไม่เข้าใจถึงระบบและกฏระเบียบของสวีเดน รวมถึงขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท การจ่ายภาษีต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งยากไปกว่านั้นเพราะทุกอย่างเขียนเป็นภาษาสวีเดน และการทำธุรกิจเล็ก ๆ ให้ได้กำไรเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อน และไม่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ ความเข้าใจผิดอีกอย่างก็คือคนส่วนมากคิดว่ามาถึงแล้วเปิดร้านได้เลย อาจจะลืมคิดถึงว่าตัวเองต้องเรียนภาษาก่อนเพื่อที่จะได้เข้าใจกฏระเบียบ ซึ่งก็ใช้เวลาหลายปีที่กว่าจะได้และมีรายได้ที่ดี

ไทยไวส์เลยอยากแนะนำว่าที่สวีเดนนี้ถ้ามีเงินน้อยไม่ควรลงทุนกิจการอะไร แนะนำว่าให้ไปเป็นลูกจ้างจะคุ้มกว่าค่ะและเราจะได้สวัสดิการคุ้มครองที่ดีกว่าการไปเป็นเจ้าของร้าน

ส่วนคนที่มีการศึกษาสูงและเคยมีงานการทำที่ดีที่เมืองไทย สามารถพูดเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างดีและคิดว่าตัวเองจะหางานทำได้ไม่ยาก อันนี้ถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากค่ะ ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาทางการของสวีเดน แม้ว่าคนที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี การที่จะสมัครเข้าทำงานในทุก ๆ งาน เราจะต้องเก่งภาษาสวีเดนในระดับหนึ่ง เช่น อาชีพพยาบาล แม้ว่าคุณจะเป็นพยาบาลมาจากเมืองไทยหลายปีแล้วก็ตาม เขาก็ยังต้องการให้คุณสามารถพูดคุยสื่อสารได้ และคุณจะถูกประเมินความสามารถต่าง ๆ และอาจจะต้องไปเรียนวิชาพยาบาลใหม่ในสวีเดนก่อนที่จะมาสมัครงานก็เป็นได้

ข้อสรุป

การเรียนรู้ภาษา ความพยายามในการปรับตัวเข้ากับสังคมสวีเดนและทำตัวกลมกลืนให้เป็นคนสวีเดนให้มากที่สุด นี่แหละดียิ่งกว่า “ผัวรวย ผัวเลี้ยง” อีกนะคะ มั่นคงยั่งยืนและไม่ต้องพึ่งพาใคร เราไม่ได้บอกว่าไม่ให้รักกันกับแฟนหรือไม่ต้องช่วยเหลือกัน แต่บนความรักเราก็ต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้ด้วย เพราะความไม่แน่นอน คือความแน่นอนที่สุดค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่โครงการส่งเสริมศักยภาพสตรีไทยในสวีเดน

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อทำให้คุณพบกับความแตกต่างจากผู้ใช้อื่น ๆ ของเว็บไซต์ของเรา ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ ที่ดีเมื่อคุณติดตามเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราและยังช่วยให้เราในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าคุณได้ยินยอมให้เราใช้คุกกี้