การย้ายมาอยู่ที่สวีเดนตามคู่ครองและความท้าทายทางสังคม

เมื่อลูกต้องตามแม่มาอยู่ที่สวีเดน

เมื่อลูกต้องตามแม่มาอยู่ที่สวีเดน

หอบลูกไปด้วย

ผู้ที่วางแผนจะนำลูกย้ายตามไปอยู่ที่สวีเดนด้วยฟังทางนี้น่ะค่ะ คุณครูที่มีประสบการณ์สอนหนังสือเด็กไทยในสวีเดนฝากข้อความถึงคุณแม่ว่าการที่เราจะช่วยให้ลูกของเราปรับตัวเข้าสู่สังคมและสภาวะความเป็นอยู่ที่ไม่คุ้นเคยได้และประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณแม่ และครอบครัวใหม่ค่ะ

เด็กที่ต้องย้ายมาอยู่ต่างถิ่นจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เขาจะต้องได้รับความรัก ความอบอุ่นและความช่วยเหลือจากคุณแม่มากกว่าตอนที่อยู่ที่เมืองไทยหลายเท่า คือพอมาถึงสวีเดนแล้วลูกเรายังไม่มีเพื่อน พูดภาษายังไม่ได้ อาจจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่ สถานที่อยู่ สภาพอากาศ และอาหารที่ไม่คุ้นเคย เด็กอาจจะรู้สึกสับสนในช่วงแรก ๆ ดังนั้นบทบาทของคุณแม่ในช่วงเวลานี้สำคัญมาก ๆ

ความพร้อมของคุณแม่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การใช้ชีวิตของลูกและคุณแม่เป็นไปอย่างราบรื่นที่สวีเดน คุณแม่ควรมีความพร้อมในการดูแลทั้งในเรื่องสภาพทางการเงิน มีงานทำที่มั่นคง สามารถสื่อสารภาษาสวีเดนได้ รวมทั้งมีเวลาให้ลูก เพื่อเป็นหลักประกันว่าหากเกิดปัญหาในการใช้ชีวิตคู่หรือปัญหาครอบครัวขึ้น เราจะสามารถเอาตัวรอดและพึ่งพาตัวเองได้ ดังนั้นต้องวางแผนชีวิตและพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจพาลูกมาอยู่ที่สวีเดนนะคะ

รู้หรือไม่

ในสวีเดนเด็กทุกคนมีสิทธิ์ในการขอให้ครูภาษาแม่ (Modersmålslärare) มาช่วยเหลือเด็กในระหว่างที่ไปรร.ได้ โดยเราสามารถคุยกับทางโรงเรียนให้จัดหาครูภาษาแม่ที่เป็นครูคนไทยมาช่วยเหลือเด็กทั้งในการเรียนภาษาไทยและการเรียนตามรายวิชาต่างๆ  โดยเด็กจะได้เริ่มเรียนตามหลักสูตรปกติเป็นภาษาสวีเดนก่อน หากเด็กไม่เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน ครูภาษาแม่จะเข้ามาช่วยสอนและอธิบายเป็นภาษาไทย ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรม รวมทั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางโรงเรียนได้รวดเร็วขึ้น

กรณีถ้าลูกเราเป็นเด็กเล็กการปรับตัวจะเป็นไปได้ไม่ยากนัก ส่วนมากเด็กเล็กสามารถเรียนรู้และพูดภาษาได้ค่อนข้างรวดเร็วโดยเฉพาะกรณีที่คุณพ่อชาวสวีเดนให้การสนับสนุน และพูดคุยด้วยเป็นประจำและถ้าเด็กได้เข้าเรียนอย่างรวดเร็ว การปรับตัวก็จะยิ่งง่ายและเร็วขึ้น เด็กบางคนอยู่ไม่ถึงสองปีก็สามารถพูดภาษาแบบออกสำเนียงเหมือนชาวสวีดิชคล่องป๋อเลยค่ะ

กรณีถ้าลูกเป็นวัยรุ่นช่วง 13 ปีขึ้นไปอันนี้อาจจะเป็นอุปสรรค์สำหรับคุณแม่และครอบครัวใหม่ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเริ่มมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ปัญหาที่พบบ่อย ๆ คือไม่สามารถปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่และเพื่อนๆในโรงเรียนได้ การเรียนรู้ในโรงเรียนที่ใช้ภาษาสวีเดนอย่างเดียวอันนี้จะทำให้การเรียนรู้ของเด็กวัยโตเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เวลามีการบ้านคุณแม่ก็ไม่สามารถช่วยลูกได้เพราะติดเรื่องภาษา ส่วนการที่จะพึ่งพาพ่อชาวสวีเดนก็คงเป็นไปได้ในบางกรณี พ่อบางคนอาจจะไม่มีเวลาให้เพราะต้องออกไปทำงานหรือบางคนอยากช่วยแต่พออธิบายแล้วลูกเราไม่เข้าใจเพราะลูกขาดทักษะเรื่องภาษา หรือพ่อบางคนก็ไม่มีความรู้พอที่จะมาช่วยดูการบ้านของลูกเราได้ ทีนี้ลูกเราก็จะเคว้งคว้างและรู้สึกโดดเดี่ยว ปัญหาแบบนี้ต้องค่อย ๆแก้ไขและใช้ความอดทนจากทุกฝ่ายนะคะ

หญิงไทยจำนวนมากมีอุปสรรคในการเรียนภาษาสวีเดน บางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะเรียนจบแต่ละหลักสูตร หลาย ๆ คนก็อาจจะเรียนไม่จบ ที่แย่กว่านั้นคือบางคนเลือกที่จะไม่เรียนภาษาสวีเดนเลย ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามถ้าการเรียนรู้ภาษาสวีเดนเป็นอุปสรรค มันก็อาจจะทำให้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่มากที่ตัวคุณแม่เองต้องเผชิญกับการปรับตัวเข้าสู่สังคมสวีเดน และขาดความเข้าใจถึงระบบ กฏระเบียบต่าง ๆ  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูและช่วยเหลือลูกของตนเองให้ปรับตัวสู่สังคมได้

ไม่ว่าเด็กจะมีอุปสรรคในการปรับตัวอย่างไร ในที่สุดแล้วเด็กก็จะสามารถเรียนรู้ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ เด็กสามารถพูดภาษาสวีเดนได้และมีเพื่อนเป็นชาวสวีเดน  ดังนั้นลูกของเราก็จะเริ่มเข้าสังคมสวีเดน พอเริ่มโตขึ้นเขาก็เริ่มมีความคิดความอ่านคล้ายคนสวีเดนเข้าไปทุกทีและอาจจะเริ่มลืมวัฒนธรรมและประเพณีแบบไทยไป ซึ่งตรงนี้จะเป็นช่องว่างระหว่างแม่กับลูกทันทีเพราะแม่ตามลูกไม่ทัน

แม่หลายคนเอาทักษะที่คุ้นเคยจากไทยหรือที่เรียกว่า “เลี้ยงวัวให้ผูก เลี้ยงลูกให้ตี” มาใช้ซึ่งเด็กที่โตที่สวีเดนจะรับไม่ได้มาก ๆ เพราะเขาถูกปลูกฝังมาแบบวิถีชีวิตคนสวีเดน มีเด็กชายคนหนึ่งอยู่ขั้นวัยรุ่นมาบ่นให้คุณครูคนไทยฟังว่า “แม่ด่าผมทุกวันเลย ผมรู้สึกอายและผมว่าแม่ไม่รักและไม่ต้องการผม” กรณีนี้คุณแม่จะต้องปรับทัศนคติและวิธีการอบรมและเลี้ยงดูลูกให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ลูกเขา ลูกเรา

บางกรณีหญิงไทยและลูกของตนต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับลูก ๆของสามีที่เกิดจากภรรยาเก่า ซึ่งก็จะประสบการณ์ที่เรียกว่า “ลูกเขา ลูกเรา” ปัญหาหลักก็คือการปรับตัวระหว่างสองวัฒนธรรมในครอบครัวเดียวกัน และวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกัน คือคนสวีเดนไม่ใช้ความรุนแรงในการเลี้ยงลูก แต่เขาจะใช้กฏเกณ์ ระเบียบและมีบทลงโทษที่ชัดเจน เช่นการลงโทษโดยให้ทำงานบ้าน แต่จะไม่ใช่การตีลูกนะคะเพราะผิดกฏหมาย  ลูก ๆ ก็จะมีสิทธิในการออกความคิดเห็นเรื่องการสร้างกฏระเบียบด้วย ข้อแนะนำตรงนี้ก็คือทุกฝ่ายจะต้องมานั่งคุยกันว่าจะอยู่กันอย่างไร และมีกฏระเบียบอะไรบ้าง ถ้าไม่เคลียร์ตั้งแต่เริ่มต้นการอยู่ร่วมกันจะหาความสุขยากค่ะ

.. คำจำกัดความคำว่าเด็กตามกฏหมายสวีเดน คือบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เหมือนกับกฏหมายไทย

เราควรหลีกเลี่ยงการตีลูก อีกทั้งพฤติกรรมความรุนแรงต่าง ๆ ในครอบครัวที่อาจส่งผลต่อการเลียนแบบพฤติกรรมของเด็กได้ ควรสอนลูกและอธิบายด้วยหลักเหตุและผล รวมทั้งรู้จักรับฟังเหตุผลของเด็กด้วย ทั้งนี้หากมีผู้พบเห็นหรือทางโรงเรียนตรวจพบว่าท่านได้ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจเด็ก สามารถแจ้งไปยังสำนักงานบริการสังคม (socialtjänsten) หรือแจ้งตำรวจได้ โดยจะมีการสอบสวนร่วมกับนักจิตวิทยา


อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจเด็กที่มีความรุนแรงและเป็นภัยคุกคามต่อเด็กอย่างมาก เด็กจะถูก
ส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ซึ่งในช่วงแรกนั้นเราจะไม่สามารถทราบได้ว่าเด็กไปอยู่กับครอบครัวใด จนกระทั่งผู้ที่ทำร้ายเด็ก
ผ่านขั้นตอนของการอบรมในการเลี้ยงดูบุตรและการผ่อนปรน จึงจะสามารถไปเยี่ยมและรับเด็กกลับมาอยู่ด้วยตามปกติได้ เพื่อเป็นการ
สร้างความมั่นใจว่าเด็กจะมีความปลอดภัยเมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัว 

เด็กควรมีสิทธิ์ในการเลือกสิ่งต่าง ๆ ตามความชอบด้วยตัวเอง เราควรเคารพการตัดสินใจของเด็กด้วยเช่นกัน

ครอบครัวที่พ่อหรือแม่มีลูกติดและอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ควรมีการพูดคุยกันถึงแนวทางการปรับตัว อธิบายกฎกติกาต่าง ๆ ภายในบ้านว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น หากรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ต้องเก็บจาน เป็นต้น 

เพราะเรามีวัฒนธรรมในการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกับคนสวีเดน ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและช่วยให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างปกติสุขทั้งสามีชาวสวีเดน ลูกของสามี ตัวเราและลูกของเราควรจะมีการพูดคุยและตกลงกันนะคะ

ครอบครัวมีหน้าที่ดูแลเด็กให้ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ซึ่งรัฐบาลสวีเดนมีเงินสวัสดิการช่วยเหลือสนับสนุนในการดูแลบุตรให้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวัสดิการแม่และเด็ก

หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก
การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนมาสวีเดน

คุณแม่สามารถช่วยเหลือลูกให้ทำความเข้าใจกับภาษาสวีเดนและสภาพสังคมของสวีเดน เช่น การหาหนังจากสวีเดนให้ดู การดูการ์ตูนที่เป็นภาษาสวีเดนจะเป็นการช่วยให้ลูกรู้จักภาษาและวัฒนธรรมของสวีเดนมากขึ้น และข้อดีอีกอย่างคือคุณแม่ก็ได้เรียนภาษาสวีเดนไปด้วย

สำหรับคุณแม่ที่อยู่ห่างไกลกับลูก เช่นคุณแม่อยู่สวีเดนและลูกอยู่ไทย คุณแม่สามารถส่งลิงค์จากวีดีโอยูทูปหรือส่งหนังสือภาษาสวีเดนไปให้ลูก ๆ อ่านเตรียมตัวอ่านได้ค่ะ

  • เอกสารการศึกษาของเด็ก : เตรียมเอกสารการศึกษาของลูก โดยนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้นำมายื่นที่สวีเดนเมื่อลูกมาถึงแล้ว

  • เอกสารการฉีดวัคซีนและเอกสารเกี่ยวกับโรคประจำตัวของเด็ก (ถ้ามี) : เตรียมเอกสารการตรวจสุขภาพต่าง ๆ เพื่อให้โรงเรียนที่เด็กจะไปเรียนได้มีการเตรียมตัวในการดูแลเด็ก

ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐที่เราและลูกจะได้รับ และสามารถติดตามเข้าร่วมสัมมนากับทางโครงการไทยไวส์เพื่อรับความรู้เกี่ยวกับข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ เราสามารถเรียนรู้วัฒนธรรม ตามเทศกาลต่าง ๆ ของสวีเดนผ่านภาพยนตร์หรือละคร 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนภาษาสวีเดน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวสวัสดิการแม่และเด็ก

การใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในสวีเดนเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะทุกอย่างที่สวีเดนจะทำการผ่านระบบอนนไลน์ เราในฐานะคุณแม่ที่พาลูกมาอยู่ด้วยต้องหัดและเรียนรู้ใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่เวลาทำการลงทะเบียนต่าง ๆ ให้ลูก คุณแม่ก็ยังสามารถช่วยลูกทำการบ้านในคอมพิวเตอร์ได้ด้วย

เมื่อลูกมาถึงสวีเดน

ก่อนจะยื่นทำบัตรประชาชน เราจะต้องทำการยื่นขอเลขประจำตัวก่อน เมื่อได้รับหมายเลขประจำตัวแล้ว คุณสามารถไปที่สำนักงานภาษีเพื่อขอให้หน่วยงานออกบัตรประชาชนให้ แต่สำนักงานบางแห่งหรือบางเมืองเท่านั้นที่ออกบัตรประจำตัว ดังนั้นตรวจสอบก่อนนะคะว่ามีสำนักงานภาษีเมืองไหนที่สามารถออกบัตรประชาชนให้ได้ (สามารถกดดูได้ที่นี่)

เวลาจะไปทำบัตรต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าก่อนนะคะและจ่ายค่าบริการล่วงหน้าออนไลน์เป็นจำนวนเงิน 400 สวีดิชโครน

อ่านเพิ่มเติมมาถึงสวีเดนต้องทำอะไรบ้าง

จะเปิดบัญชีธนาคารได้จะเราต้องมีหมายเลขประจำตัวสิบหลัก หรือ Personnummer ก่อนค่ะ เมื่อเราเปิดบัญชีธนาคารได้แล้ว เราจะได้รับบัตรเดบิตและสามารถการทำธุรกรรมต่างๆ กับธนาคาร โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น การฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน หรือ สอบถามยอดเงิน เป็นต้น การทำธุรกรรมต่าง ๆ ออนไลน์เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วที่สุดและถูกที่สุดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะเราสามารถทำการชำระเงินหรือโอนเงินเมื่อไหร่ก็ได้ ขณะที่ธนาคารปกติจะเปิดให้บริการระหว่าง 10.00 น. ถึง 15.00 น.

  • ผู้ปกครองควรแจ้งล่วงหน้าก่อนที่เด็กจะเข้าเรียนเพื่อให้ทางโรงเรียนได้เตรียมการและวางแผนในการรับเด็กเข้ามาเรียน ในสวีเดนจะมีช่วงการเรียนปรับภาษาสำหรับเด็กที่ย้ายมาเรียนเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนก่อนที่เด็กได้เข้าไปเรียนรร.ปกติ
  • เด็กสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่จำเป็นต้องรอเลขประจำตัว เมื่อลูกมาถึงสวีเดนแล้ว สามารถเริ่มไปโรงเรียนได้เลย ถ้าลูกมาสวีเดนช่วงซัมเมอร์อาจจะต้องรอจนกว่ารร.จะเปิดอีกทีนะคะ เพราะช่วงซัมเมอร์รร.จะปิดค่ะ

  • แจ้งให้รร.และครูทราบเกี่ยวกับข้อมูลของลูก เช่น มีอาหารที่แพ้ไหม เป็นโรคประจำตัวอะไรบ้าง

ยินดีต้อนรับสู่โครงการส่งเสริมศักยภาพสตรีไทยในสวีเดน

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อทำให้คุณพบกับความแตกต่างจากผู้ใช้อื่น ๆ ของเว็บไซต์ของเรา ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ ที่ดีเมื่อคุณติดตามเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราและยังช่วยให้เราในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าคุณได้ยินยอมให้เราใช้คุกกี้